พลังงานลม
พลังงานแสงอาทิตย์
พลังงานน้ำ (เขื่อน)
พลังงานชีวมวล
ประเทศไทย อยู่ในเขตร้อนชื้น ในเชิงภูมิศาสตร์ มีข้อดีมากมาย
ไม่มีภัยธรรมชาติ เช่น พายุ
ไม่มีทะเลทราย
มีฝนตกตามฤดูกาล เหมาะกับการเกษตร
แต่ข้อดีเหล่านี้ ทำให้เราไม่มี
ลมที่แรง ๆ ที่จะมาปั่นกังหันลมได้เยอะ ๆ - ประเทศไทยมีการติดตั้งพลังงานลมอยู่ประมาณ 1,545 MW (ข้อมูลปี 2023) ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3% ของความสามารถในการผลิตพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ และให้พลังงานจริงในปี 2023 อยู่ที่ 3,421.6 GWh (ข้อมูลจาก https://pvstatus.dede.go.th/) คิดเป็นประมาณ 25.3% ของกำลังการติดตั้ง (3,421.6/(1.545*8760)*100) = 25.3%)
แดดแรงก็จริง แต่เทียบกับทะเลทราย ก็ยังไม่เยอะเท่า ทำให้แสงอาทิตย์เราอาจจะคืนทุนช้ากว่า โดยในปี 2023 เรามีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 3.19 GW และผลิตไฟฟ้าได้ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 4,823.61 GWh คิดเป็นประสิทธิภาพอยู่ที่ 17-18% (เท่ากับโดยเฉลี่ย วัน ๆ นึง เรามีแดดที่ใช้งานในการผลิตพลังงานได้ประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ นิดหน่อย)
พลังงานน้ำ (จากเขื่อนต่าง ๆ ที่มีเครื่องปั่นไฟ) ซึ่งมีข้อมูลไม่แน่ชัดนัก แต่ประมาณว่ามีกำลังการติดตั้งในปี 2023 อยู่ที่ 3.11 GW และผลิตไฟฟ้าทั้งปีได้ที่ราว ๆ 6,421.04 GWh เท่ากับมีประสิทธิภาพในการผลิตอยู่ที่ประมาณ 23.5%
จริง ๆ ถ้าเรามองถึงจุดแข็งของประเทศไทยอันเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เราอาจจะนึกถึง "พลังงานชีวมวล" ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า เราไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าประเทศไทยมีกำลังการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลอยู่ที่เท่าไร แต่น่าจะอยู่ในช่วง 3,500-4,500 MW (มีข้อมูลว่ากำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 9% ของกำลังการผลิตรวมของประเทศ) ซึ่งในปี 2023 เรามีรายงานจากแหล่งข้อมุลเดียวกันอยู่ที่ 11,391.61 GWh นั่นหมายความว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าอยุ่ที่ราว ๆ 30-35% ของกำลังการผลิตทั้งหมด เท่านั้น
พลังงานลม - ลมเต็มที่แล้ว เราก็ได้พลังงานประมาณ 25% ของกำลังการติดตั้ง
พลังงานแสงอาทิตย์ - แดดเต็มที่แล้ว เราก็ได้พลังงานประมาณ 17-18% ของกำลังการติดตั้ง
พลังงานน้ำจากเขื่อน - ฝนตกน้ำเต็มที่ เราก็จะได้พลังงานประมาณ 24% ของกำลังการติดตั้ง
พลังงานจากชีวมวล - ตอนนี้เราผลิตอยู่ที่ 30-35% ของกำลังการผลิตสูงสุดเท่านั้น? ถ้าเรามีชีวมวลมากขึ้น เราก็น่าจะผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น (โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มในส่วนของโรงไฟฟ้า?)
หากประเทศไทยเราสามารถช่วยส่งเสริมกิจกรรมการปลูกป่าหมุนเวียนหรือพืชพลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น บางทีเราอาจจะได้พลังงานอีกสัก 50-60% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน หรืออีกประมาณ 11,000 GWh (เกือบ ๆ 10-12% ของความต้องการไฟฟ้าในปี 2023 !!